เบิร์นลี่ย์

เจ้าถิ่น เบิร์นลี่ย์ ทีมบ๊วยอันดับ 20 ของเทรนเนอร์ ฌอน ไดช์ ยังคงพาทีมจมดิ่งอยู่ท้ายตาราง โดยล่าสุดเพิ่งจะบุกพ่าย อาร์เซน่อล 0-3 มาหมาด ๆ

สำหรับสภาพความพร้อมของทีมในวันนี้จะปรับมาใช้ระบบ 4-4-1-1 โดยวาง แดนนี่ อิ้งส์ (7 นัด/1 ประตู) ยืนหอกตัวเป้า และมี มาร์วิน ซอร์เดลล์ (9 นัด) ยืนเป็นหน้าต่ำคอยประสานงานอยู่ด้านหลัง ส่วนแผงแดนกลางก็ยังคงใช้ เดวิด โจนส์ (8 นัด) กับ ดีน มาร์นี่ย์ (6 นัด) จับคู่ผนึกกำลัง และใช้ สกอตต์ อาร์ฟิลด์ (10 นัด/1 ประตู) กับ จอร์จ บอยด์ (7 นัด/1 ประตู) เสริมเกมรุกริมเส้นซ้าย-ขวา


 ฮัลล์ ซิตี้

ส่วนทางฝั่งของทีมผู้มาเยือนอย่าง ฮัลล์ ซิตี้ ทีมอันดับ 14 ของกุนซือ สตีฟ บรูซ กับผลงานไร้ชัยเป็นเกมที่สามติดต่อกัน ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งจะเปิดรังพ่าย เซาท์แฮมป์ตัน 0-1 ไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับความพร้อมของทีมก่อนเกมจะไม่มีชื่อของ อเล็กซ์ บรูซ ปราการหลังหัวแก้วหัวแหวน และคาดว่า พอล แม็คเชน (4 นัด) น่าจะได้รับโอกาสลงสนามแทน นอกจากนี้ แอนดรูว โรเบิร์ตสัน (9 นัด) แบ็คซ้ายวัย 20 ปี เตรียมประจำการเป็นวิงแบ็คริมเส้นฝั่งซ้าย แทนทีที่ของ ร็อบบี้ เบรดี้ (5 นัด) ที่ถูกดร็อปเป็นสำรอง ซึ่งคู่กองหน้าก็ยังคงใช้ อเบล เอร์นานเดซ (7 นัด/3 ประตู) กับหัวหอกจำเป็น ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา (5 นัด)

ดูเหมือนว่าผลงานการยันเสมอ อาร์เซน่อล 2-2 และ ลิเวอร์พูล 0-0 จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลูกทีม ฮัลล์ ซิตี้ ของ สตีฟ บรูซ ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่านายทวารมือ 3 ของทีมอย่าง เอลดิน ยาคูโปวิช ได้รับเครดิตไปเต็ม ๆ ในช่วง 1-2 นัดแรกที่ได้โอกาสลงสนาม

แต่ปัญหาในเกมนี้อยู่ที่การขาด อเล็กซ์ บรูซ ที่กำลังเล่นได้คงเส้นคงวาต้องมาเจ็บเสียก่อน อย่างไรก็ดีผู้เล่นในเกมรุกของ “เจ้าเสือโคร่ง” ก็ยังไว้เนื้อเชื่อใจได้อยู่พอสมควร ในยามที่ไร้เงาของ นิกิช่า เยลาวิช ก็ยังมี อเบล เอร์นานเดซ และ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ที่อันตรายพอกัน เป็นงานหนักของเจ้าบ้านแน่นอน ซึ่งทางฝั่ง เบิร์นลี่ย์ ลงเตะในฤดูกาลนี้ 10 เกมยังสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็น แถมยังเสียไปถึง 15 ประตูจาก 5 นัดหลังสุด บ่งบอกถึงเกมรับที่รั่วสุด ๆ ฟันธง! อยู่รอง ฮัลล์ ซิตี้ บุกขยี้ “เจ้าตูบ” ถึงรัง อย่างน้อย ๆ น่าจะมีแต้มกลับบ้านเป็นรางวัล…!

 ลิเวอร์พูล

เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 7 ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาทีมเก็บชัยได้เพียงแค่ครั้งเดียวจาก 5 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ แถมล่าสุดพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 0-1 ซึ่งส่งตัวสำรองลงกว่าครึ่งทีม

สำหรับความพร้อมของทีมในวันนี้น่าจะกลับไปใช้ผู้เล่นตัวหลักเหมือนเดิม และคาดว่า ร็อดเจอร์ส เตรียมปรับระบบมาใช้ 4-3-3 โดยวาง ฟาบิโอ บอรินี่ (3 นัด) แทนที่ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ (8 นัด) ในตำแหน่งตัวเป้า และมี ราฮีม สเตอร์ลิง (10 นัด/3 ประตู) ขนาบข้างร่วมกับ อดัม ลัลลานา (6 นัด/1 ประตู) นอกจากนี้ โคโล่ ตูเร่ (1 นัด) ปราการหลังวัยเก๋าจะได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลังโชว์ฟอร์มแจ่มในเกมกลางสัปดาห์ ส่วนพวกแข้งเดี้ยงก็ยังเป็นพวกหน้าเดิม ๆ


 เชลซี

ส่วนทางฝั่งของทีมเยือนอย่าง เชลซี ทีมอันดับ 1 ของผู้จัดการทีม โชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมไร้พ่าย 16 เกมหลังสุดรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้

สำหรับความพร้อมของทีมล่าสุด คาดว่า มูรินโญ่ น่าจะปรับผู้เล่นบางตำแหน่ง ซึ่งในรายของ ออสการ์ (8 นัด/3 ประตู) และ แกรี่ เคฮิลล์ (10 นัด) จะกลับมาคืนทีมอีกครั้งหลังได้พักมาในเกมกลางสัปดาห์ ส่วนผู้เล่นที่เหลือยังอยู่กันครบโดยเฉพาะ ดีเอโก้ คอสต้า (8 นัด/9 ประตู) และ เอแด็น อาซาร์ (10 นัด/3 ประตู)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฟอร์มทำเงินของ เชลซี 3 ครั้งหลังสุด พาเสียทรัพย์สามครั้งรวด นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถทำสกอร์ทะลุเป้าได้ แต่ในวันนี้เปิดเรทมาแค่เพียงเสี้ยวลูกเท่านั้น ขอเพียงแค่ยิงประตูชัยและเน้นตั้งรับตามแทคติกเดิมที่เคยเล่นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่นก่อน รับรองว่าวันนี้ท่านต่อได้ยิ้มกินนิ่มแน่นอน

อย่างไรก็ดี แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมที่แข็งแกร่งในบ้านก็จริง โดยแพ้แค่นัดเดียวจากทั้งหมด 5 เกมในฤดูกาลนี้ แต่ปัญหาของพวกเขาก็คือเกมรับที่เสียประตูแทบทุกนัด โดยสถิติบ่งชี้ว่า “หงส์แดง” เก็บคลีนชีตได้เพียงแค่สองครั้งจาก 16 เกมลีกหลังสุดยาวตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเกมนี้ก็คงจะมีแนวโน้มสูงที่จะโดนยิงอย่างน้อยหนึ่งประตู และหากเกมรุกฝืดอยู่แบบนี้คงหวังที่จะเอาชนะ เชลซี หรือแม้กระทั่งขอเสมอลุ้นแบ่งแต้มก็คงยาก ฟันธง! อยู่ต่อ เชลซี มีลุ้นเต็มตัว…!

 ซานด์เฮาเซ่น

ซานด์เฮาเซ่น กลับมาอยู่ในช่วงเวลาขาลงอีกครั้ง ไม่ชนะใครมา 5 นัดติดต่อกันแล้ว ล่าสุดบุกไปเสมอกับ คาร์ลสรูห์ 1-1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ความพร้อมล่าสุด ทีมกุนซือ เอลอยส์ ชวาร์ซ เจออีกปัญหารุมเร้า เมื่อไม่มี ฟาเบียน ฮุบเบอร์ แนวรับคนสำคัญของทีมที่มีอการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ขณะที่ นิคกี้ อ๊าดเดอร์ และ รานิสลาฟ โยวาโนริช สองแข้งสำรองอยู่ระหว่างพักฟื้นร่างกาย


 เนิร์นแบร์ก

เนิร์นแบร์ก ยังรักษามาตราฐานฟอร์มการเล่นได้ย่ำแย่ ล่าสุดทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ ซังต์.เพาลี 2-2 เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา

วาเลเรียง อิสมาแอล มีปัญหาใหญ่คือการขาดหายไปของ เจอร์เก้น มอสส์แมร์ มิดฟิลด์คนสำคัญของทีมที่ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าระหว่างการซ้อม ขณะที่ ติโม เก็บฮาร์ท เพลย์เมกเกอร์ของทีมก็ยังบาดเจ็บต้นขา ไม่พร้อมสำหรับเกมนี้

ซานด์เฮาเซ่น เมื่อได้เล่นในรังแล้วจะเน้นมากๆผลงานในซีซั่นนี้ก็ไม่ได้นับว่าแย่ แพ้เพีง 2 จาก 6 เกมที่ผ่านมา ขณะที่ เนิร์นแบรกเป็นทีมเกมรับแย่สุดในลีก เสียไป 22 ประตู แถมสถิตินอกรังก็ห่วยแตก 4 เกมหลังพ่ายถึง 3 แบบที่ยิงประตูไม่ไ้เลย เกมนี้ยังต้องมาขาด เจอร์เก้น มอสส์แมร์ หัวใจสำคัญของทีมไปอีก ดูแล้วมีปัญหาแน่ ซานด์เฮาเซ่น ฟอร์มช่วหลังอาจไม่ค่อยดี แต่เกมในรังจะเน้นเหนียวแน่นไว้ก่อน ขณะที่ เนิร์นแบร์ก เล่นนอกบ้านแล้วปืนฝืดแบบนี้ดูแล้วเจ้าถิ่นไม่แพ้ เชียร์  ซานด์เฮาเซ่น ดีกว่า

 ไกเซอร์สเลาเทิร์น

ไกเซอร์สเลาเทิร์น รักษาสถิติไม่แพ้ใครใน 4 เกม หลัง ทว่าก็ทำได้เพียงแบ่งแต้มกับคู่แข่งตลอด 3 เกมที่ผ่านมา ล่าสุดบุกไปเก็บ 1 คะแนนจากรัง ไลป์ซิก ด้วยสกอร์ 0-0 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สภาพของทีม คอสต้า รุนยาอิช มีปัญหาใหญ่คือการขาดหายไปของ อเล็กซานเดอร์ ริงก์ มิดฟิลด์คนเก่งของทีมที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าขวาก่อนเกมบุกไลป์ซิก ทำให้เกมนี้จะเป็น มาร์คุส คาร์ล รับสัมปทานต่อไปอย่างในเกมที่แล้ว


 โบคุ่ม

โบคุ่ม อดีตมหาอำนาจลูกหนังของวงการลูกหนังเมื่อเบียร์ยังคงบู่ต่อเนื่อง ชนะใครไม่เป็นมา 6 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ล่าสุดเปิดบ้านพ่ายต่อ 1860 มิวนิค 0-3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปีเตอร์ นอยรูเรอร์ ยังไม่มีนักเตะรายเดิมๆ ได้แก่ ยาน กียาเมราห์ แนวรับที่ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ ยาน ซิมูเน็ค กองหลังชาวเช็กที่บาดเจ็บโคนขาหนีบ

โบคุ่ม ฟอร์มหลุดแบบน่าใจหาย พ่าย 3 จาก 5 เกมหลัง เกมรุกย่ำแย่ยิงได้เพียง 2 ประตู เกมรับห่วยแตก เสียไปถึง 12 ประตู ในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ไกเซอร์สเลาเทิร์น เสมอมาหลายเกมก็จริง แต่เมื่อได้เล่นในบ้านแล้วจะแกร่งมาก เก็บชัยได้ 5 จาก 6 เกมในซีซั่นนี้และยังไม่แพ้ใคร มาร์เซล เกาส์ ถูกโฉลกกับการเล่นในรังยิงได้ตลอด 2 เกมที่ผ่านมา วัดกันแล้ว ไกเซอร์ฯ ค่อนข้างเหนือกว่า มั่นใจว่าเข้าวินแน่นอน เรตนี้ เชียร์เจ้าถิ่นได้เลย

 กอร์โดบา

เป็นทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมา แล้วเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ชนะในซีซั่นนี้ โดยสัปดาห์ก่อนออกไปแพ้ แอตฯ มาดริด 2-4

แต่ในรายของ เอดูอาร์ด กัมปาบาดาล ปราการหลังอยู่ระหว่างเรียกความฟิต


 ลา กอรุนญ่า

ผลงานยังไม่แน่นอนเท่าไหร่นัก โดยลา กอรุนญ่า ชนะแค่นัดเดียวจาก 5 นัดหลัง ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนแพ้คาบ้านให้ เคตาเฟ่ 1-2

บรรดาแกนหลักของทีมทั้ง อีซัก กูเอนก้า ตัวรุกเด็กปั้นของบาร์เซโลน่า และ เอลแดร์ ปอสติก้า หัวหอกพร้อมลงช่วยทีม

กอร์โดบา ยังคงควานหาชัยชนะนัดแรกในซีซั่นนี้ ดังนั้นการเล่นในบ้านแบบนี้เน้นสุดๆแน่ การที่ ลา กอรุญ่า มาเปิดเกมแลกน่าเป็นการเล่นเข้าทางเจ้าบ้าน ทำให้มีช่องว่างในการเจาะเข้าทำ ยิ่ง นาบิล กิลาส กองหน้า กำลังมั่นใจน่าเป็นส่วนสำคัญช่วยให้กอร์โดบาบดเอาชนะนัดแรกในซีซั่นได้

 แฮร์ธ่า เบอร์ลิน

“หญิงชรา” รักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นได้ไม่ดีเลย ผลงานขึ้นๆลงๆ ไม่เป็นท่า  ล่าสุดบุกไปพ่ายต่อพาเดอร์บอร์นน้องใหม่ 1-3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ อานิส เบน-ฮาติร่า แนวรุกคนเก่งก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บต้นขา แต่มีข่าวดีที่จะได้ นิโก้ ชูลซ์ กองหลังคนเก่งสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาแล้ว แต่เชื่อว่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวสำรองไปก่อน


 ฮันโนเวอร์

ฮันโนเวอร์เรียกความมั่นใจกลับมาได้จากการเปิดบ้านเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งเฟิร์ต 1-0 ในเกมก่อน  โดยที่ก่อนหน้านี้พ่ายต่ออาเล่นทีมจากลีกา สอง ด้วยสกอร์ 0-2 ในเกมเดเอฟเบ โพคาล แบบล็อกถล่ม

อย่างไรก็ตามฮันโนเวอร์ยังพอมีข่าวดีที่จะได้ เซย์ฮุน กูลเซลาม ห้องเครื่องคนเก่งพ้นโทษอบนกลับมาช่วยงานกลางสนามอีกครั้ง

ฮันโนเวอร์แผงแนวรับต้องปรับตลอด 10 เกมที่ผ่านมา และเมื่อออกนอกบ้านจะมีปัญหาตลอดพ่ายไปแล้ว 3 จาก 5 เกมในซีซั่นนี้  ขณะที่ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แกร่งสุดๆ เมื่อได้เฝ้ารังเก็บชัยชนะมา 3 นัดติดต่อกัน โดยมี ซาโลมง กาลู เป็นหมัดเด็ดหวดไปแล้ว 3 ประตู จาก 3 เกม หลัง “หญิงชรา” เพิ่งแพ้มา การกลับมาเฝ้ารังต้องเน้นมากๆ เพื่อคืนศรัทธาแฟนบอล ด้วยแนวรุกที่โดดเด่นยามเฝ้ารัง มั่นใจว่าแฮร์ธ่าเข้าวินแน่นอน เชียร์เจ้าถิ่นดีกว่า

 แรนส์

ฟิลิปป์ มงตานิเย่ร์ เทรนเนอร์แรนส์ นำทีมไม่แพ้ 5 เกมติดต่อกันในทุกรายการ หลังก่อนหน้านั้นสร้างผลงานย่ำแย่แพ้ 3 เกมรวดในทุกรายการ ขณะที่เกมในบ้านของพวกเขขาก็ชนะมา 3 เกมติดทุกรายการเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทีมได้ ปอล จอร์จส์ เอ็นเตป ปีกซ้ายดาวซัลโวของทีม พ้นโทษแบน 1 นัดกลับมา และจะลงสนามเป็นจัวจริงในระบบกองหน้า 3 ตัวร่มกับ เบน ฌาแม็ง อ็องเดร และ มูอามาดู ฮาบิ๊บ ฮาบิบู ทันที


 ลอริยองต์

ด้าน ซิลแว็ง ริโพลล์ เทรนเนอร์ลอริยองต์  นำทีมลงเตะล่าสุดแพ้คาบ้านต่อเปแอสเช แชมป์เก่า 1-2 ใน ลีก เอิง นัดที่ 12 เมื่อคืนวันเวาร์ที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาทำให้ทีมแฟ้ 3 เกมลีกติดต่อกันอันดับร่วงลงมาอยู่ท้ายตาราง

ความพร้อมของทีมยังคงไม่มี เอ็นโซ่ รีล(เอ็นร้อยหวาย), ฌูเลียง แกร์กเซีย(เท้า), อแล็ง ตราโอเร่ มิดฟิลด์ ตัวรุกบูรก์กินาฟาโซ(ข้อเท้า) พักนาน 6 วีก, มัทธีอัส โอเทร่ต์ (ข้อเท้า), ซานดิโอ ดิยัลโล่(ข้อเท้า) ลงสนามไม่ได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกัน มาติเยอ กูตาเดอร์ มิดฟิลด์ตัวกลางชาวฝรั่งเศส ยังคงบาดเจ็บ (สะโพก) ไม่มีชื่ออยู่ในกลุ่มเกมนี้ ทว่าทีมมีข่าวดีที่ได้ตัว เวสเล่ย์ ดลโตอา เซนเตอร์ ฮาล์ฟ(หลัง) มีชื่ออยู่ในกลุ่ม กระยั้ยเต็มที่เกมนี้เจ้าตัวจะเป็นแค่สำรองก่อน

เป็นศึกดาร์บี้แมตซ์แคว้นเบรอตาญ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เจอกันมาแล้ว 10 ครั้งที่สนามแห่งนี้ ทีมเยือนบุกมาชนะแค่ 2 นัดผลงานถือว่าสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเจ้าถิ่นอยู่ในช่วงที่เล่นดี 6 เกมหลังสุดไม่แพ้มา ขณะที่ลอริยองต์ แพ้ 3 เกมติดในลีก สภาพทีมก็เละเทะ ทว่าบอลวันศุกร์ทีไรยากต่อการคาดเดา และมักจะเกิดการพลิกล็อกเสมอ ยิ่งเป็นเกมดาร์บี้แมตซ์แบบนี้ ทีมเยืนสู้ตายเพื่อหวังพลิกชะตากลับาแน่นอนศักยภาพโดยรวมเจ้าถิ่นก็ไม่ได้หนีจากทีมเยือนมากไม่มี โอล่า ตอยโวเน่น ค้ำหอก เปิดมาต่อแบบนี้พวกเขาอาจจะไม่ชนะ รองดีกว่า

 โบลตัน

“เดอะ ทร็อตเตอร์ส” โชว์ฟอร์มเฉียบเปิดบ้านถล่ม คาร์ดิฟ 3-0 เมื่อกลางสัปดาห์ถือเป็นชัยชนะนัดที่ 3 จาก 5 เกมหลังสุด นับตั้งแต่ได้ นีล เลนน่อน เข้ามาทำทีม

ข่าวดีคือ เลียม ทร็อตเตอร์ มิดฟิลด์ฟิตเต็มร้อย แต่อาจต้องรอโอกาสข้างสนาม  ขณะที่ เดวิด วีเธอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟมีอาการเจ็บหลังดีวันดีคืนมีลุ้นถูกส่งชื่อเป็นแบ็กอัพเช่นกัน


 วีแกน

“เดอะ ลาติกส์” หยุดสถิติไร้พ่ายในทุกรายการ 6 เกมติดหลังพลาดท่าถูกยิงต้นเกมแพ้ ไบรท์ตัน 0-1 นัดกลางสัปดาห์ทั้งที่เล่นดีกว่าชัดเจน สร้างโอกาสยิงถึง 14 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้

อีออน บาร์เน็ตต์ พ้นโทษแบนคืนทีมพร้อมทวงตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริง  ขณะที่อีกสามกำลังหลักอย่าง คัลลั่ม แม็คมานามาน, เอมีร์ ฮูว์ส และ มาร์ก อองตวน ฟอร์กตูเน่ พร้อมกลับสู่ไลน์อัพ

ได้คนเดือดอย่าง นีล เลนน่อน เข้ามาคุม “วันเดอเรอร์ส” ทำให้คาแรกเตอร์ของทีมห้าวหาญขึ้นหลายขุม นักเตะที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในยุค ดูกี้ ฟรีดแมน อย่าง ทิม รีม หรือ เลียม ฟีนี่ย์ พิสูจน์แล้วว่าฝีเท้าไม่ธรรมดา  การได้เล่นในบ้านเจอกับวีแกนถือว่าไม่ลำบาก เพราะทีมเยือนอยู่ในช่วงสับสนหลังสลับทีมจนหาแกนหลักไม่ได้  จะเป็น “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” อาศัยความระห่ำในถิ่นเก็บชัยนัดที่สามต่อหน้าแฟนบอล ต่อโบลตันเต็มคันเร่ง

 นาโปลี

สถานการณ์ของ นาโปลี ในกลุ่ม ไอ ยังไม่สู้ดีนัก เมื่อรั้งอันอับ 3 เก็บได้ 6 คะแนนเท่ากับ 2 อันดับแรก แต่มีลูกได้เสียเป็นรอง  ล่าสุดเซอร์ไพรส์ไม่้น้อยกับการบุกไปแพ้ ยัง บอยส์ 0-2  แต่ในลีกพวกเขาไร้พ่ายมา 3 เกมติดต่อกันแล้ว

นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร สำรองอย่าง โจนาธาน เด กุซมัน, ดรีส เมอร์เท่นส์ และ ดูวาน ซาปาต้า มีโอกาสได้ลงโชว์ฝีเท้า รวมถึง วอลเตอร์ การ์กาโน่ อาจได้เล่นเพื่อเรียกความฟิต หลังจากสลัดเดี้ยงกลับมา


 ยัง บอยส์ เบิร์น

แม้ผลงานในถ้วยใบนี้จะทำได้ดี นำเป็นจ่าฝูง กลุ่ม ไอ และเปิดบ้านชนะนาโปลี 2-0  ทว่าเกมลีกพวกเขาแพ้มา 3 นัดติดต่อกันแล้ว รั้งเป็นอันดับ 5 ของลีกสวิตเซอร์แลนด์ หากรวมทุกรายการ ชนะแค่นัดเดียวจาก 5 เกมหลัง

อูลี่ ฟอร์เต้ หมดสิทธิ์ใช้งานแข้งเจ็บรายเดิมทั้ง มาร์โก เบอร์กี้, มาติอัส วิทคีเวียซ และ อเล็กซานเดอร์ เกิร์นด์ท ในรายของ ยาน เล็คยัคส์ แบ็กซ้ายตัวเก่งสะสมใบเหลืองมาถึง 2 ใบ หากโดนเพิ่มจะถูกแบนในนัดถัดไป

ความพ่ายแพ้นัดที่บุกไปเยือน ยัง บอยส์ ทำให้ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องเน้นกับเกมนี้เป็นพิเศษ อย่างน้อยแซงกลับขึ้นไปติดหนึ่งในสองให้ได้ คงไม่กล้าใช้ชุดสำรองลงเล่นแบบเต็มสูบและฟอร์มพักหลังก็ดีขึ้นมาก ไม้แพ้ในลีกมา 3 เกมติดต่อกัน ตรงกันข้ามกับทีมเยือนเวลาออกนอกบ้านแทบจะไม่ชนะใครเลย นาโปลีน่าเก็บชัยได้ตามเป้าที่เหลือไปหวังให้ยิงทะรุเรต

ตีแตกราคากับเซียนแกะ นาโปลีเปิดบ้านต่อที่ 1.25  ฟอร์มของเจ้าบ้านเวลาเล่นที่บ้าน 5 นัดหลัง สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 4 นัดด้วยกัน  ผิดกับยังบอยส์ ที่ฟอร์มการเล่นนอกบ้านนั้น 6 นัดหลังสุดพ่ายถึง 4 นัด วันนี้ทั้งสองทีมต้องเน้นกันเต็มที่เพราะถ้าใครชนะนั่นหมายถึงการเข้ารอบได้เลยทีเดียว  ราคาที่เปิดออกมานั้นแพงไปมากทีเดียว วัดใจรองทีมเยือนลุ้นแบ่งแต้มกลับไปไหวแน่

 เอฟเวอร์ตัน

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เกมลีกล่าสุดสะดุดเสมอในรังกูดิสัน พาร์ค กับ สวอนซี 0-0  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นชนะมา 2 นัดรวด ทำให้พวกเขาไม่แพ้ 4 เกมติดต่อกันในทุกรายการแล้ว  ส่วนในลีกขยับมาอยู่ที่ 9 ของตาราง

ส่วนตัวที่เจ็บยังหน้าเดิมๆ จอห์น สโตส์ กองหลังดาวรุ่ง แนวรุกยังพลาดใช้ เควิน มิรัลลาส ที่บาดเจ็บ  กองหน้าตัวเป้า โรเมลู ลูกากู น่าจะคืนตัวจริง หลังเลือกใช้ ซามูเอล เอโต้ เล่นเกมกับสวอนซี เกมนี้น่าจะสลับกันบ้าง  ขณะที่ตัวสำรองเกมล่าสุด มูฮาเหม็ด เบซิช, เลออน ออสแมน, สตีเว่น พีนาร์ มีโอกาสสอดแทรก


 ลีลล์

ด้าน ลีลล์ ของ เรอเน่ ชิราร์ กุนซือเจ้าของตำแหน่งเทรนเนอร์ยอดเยี่ยมลีก เอิง ประจำปี 2014 นำทีมกระเด็นตกรอบเพลย์ออฟ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากรวมผลสองนัดแพ้ เอฟซี ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่โปรตุเกส 0-3

นอกจากนั้นทีมต้องรอทดสอบความฟิตของ ป๊าป ซูอาเร่ แบ็กซ้ายที่บาดเจ็บศีรษะ นัดเสมอ แซงต์-เอเตียนว่าจะลงสนามไหวหรือไม่ กระนั้นทีมมีข่าวดีที่ได้ ฟลอร็องต์ บัลมงต์ กองกลางพ้นโทษแบน 1 นัดในลีกกลับมาเล่นตัวจริงในแดนกลาง

เอฟเวอร์ตัน เน้นมากกับรายการนี้ และพวกเขามักส่งทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามเสมอๆ เกมนี้ก็เช่นกัน เล่นในบ้านพวกเขามีภาษีดีกว่า ลีลล์ แน่นอน  ทีมเยือนกำลังเป๋อย่างหนักมีปัญหาเกมรับเสียประตูง่าย  เจ้าถิ่นอาจจะสลับตัวเล่นบ้าง แต่โดยรวมยังแข็งแกร่ง จุดเด่นในบ้านก็ยังขาดได้ บดเรื่อยๆ คู่นี้ไม่มีปัญหา ทอฟฟี่แมน จะเปิดบ้านเก็บ 3 แต้มลุ้นเข้ารอบรักษาความหวังแชมป์รายการนี้ต่อไป

ตีแตกราคากับเซียนแกะ ทอฟฟี่สีน้ำเงินเปิดราคามาที่ 0.75  ถึงเจ้าบ้านจะฟอร์มไม่คงเส้นคงวาเท่าไหร่ก็ตาม แต่มาดูฟอร์มของทีมเยือนแล้วเกมนอกบ้านนั้น 6 เกมหลังสุดไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย แถมเป็นการแพ้ถึง 4 เกม  วันนี้ทั้งสองทีมต้องใส่กันเต็มที่แน่ เพราะถ้าชนะโอกาสเข้ารอบนั้นสูงเอามากๆ วัดใจแรงใจ เสียงเชียร์ ราคาที่ออกมา อยู่เจ้าบ้านทอฟฟี่ลุ้นเคี้ยวได้สบาย