อิสราเอล

อิสราเอล ของ เอลี่ กัตต์มัน กุนซือของทีมได้รับข่าวดี เมื่อพวกเขาได้รับอนุญาตให้เล่นในบ้านได้แล้ว หลังก่อนหน้านี้เกมกับเบลเยี่ยม ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากปัญหาสงครามภายใน  ขณะที่ทีมกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ชนะรวม 2 เกมคัดยูโร รวมถึงอีก 1 เกมในการอุ่นเครื่อง เท่ากับว่าทีมชนะรวดมา 3 นัด

ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหานำทัพโดย เอราน ซาฮาวี่ กับ เบบราส นาตโก้ คุมแดนกลาง  แนวรุกใช้ โตเมอร์ เฮเหม็ด กองหน้าจากอัลเมเรีย ลงสนามในระบบ 4-3-3


 บอสเนียฯ

ด้านบอสเนียฯ ของ ซาเฟ็ต ซูซิซ อาการไม่ดีเลยในการผ่านเข้ารอบสุดท้าย หลังจากลงสนามมา 3 เกม พวกเขายังไม่ชนะทีมใดเลย โดยเก็บได้แค่ 2 คะแนนเท่านั้น หลังจากพ่ายคาบ้านต่อไซปรัส 1-2 ก็มาเสมอ เวลส์ 0-0 และเบลเยี่ยม 1-1 ตามลำดับ

นอกจากนี้รายของ ตีโน่-สเวน ซูซิช และ เซยัด ซาลิโฮวิช ก็มีปัญหาเรื่องร่างกายลงไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ อัสเมียร์ เบโกวิช นายทวารมือหนึ่งจากสโต๊ค หายเจ็บลงสนามได้ โดยทีมน่าจะปรับมาเล่น 4-3-3 ดัน เซนาด ลูลิช ขึ้นมาเป็นกองหน้าริมเส้นด้านซ้าย

ราคาล่าสุดเป็นเสมออิสราเอล ถือว่าไม่เสียเปรียบ ชื่อชั้นพวกเขาอาจจะเป็นรองอยู่หน่อยๆ ทว่ากำลังอยู่ในช่วงที่เล่นได้อย่างมั่นใจ ที่สำคัญเกมในบ้านของพวกเขามีทีเด็ดมากๆ เจอกับบอสเนียฯ ที่พิการขาดสองดาวยิงประสิทธิภาพลดลงแน่นอน ลำพังตอนมีอยู่ก็ช่วยทีมไม่ได้มากนัก บุกมาเยือน อิสราเอล ด้วยสภาพความพร้อมและราคาแบบนี้ เจ้าถิ่นดีกว่า ยังไงก็พังคารังยาก

ตีแตกราคากับเซียนแกะ เกมนี้เจ้าบ้านอิสราเอลเปิดมาต่อที่ 0  นับว่าเป็นช่วงที่เจ้าบ้านฟอร์มดีสุดๆ สามารถเก็บชัยชนะในเกมเยือนมาได้ 3 เกมติดต่อกัน เกมนี้ได้เล่นในบ้าน และหากเก็บชัยได้ โอกาสเข้ารอบค่อนข้างสดใสมากขึ้น เพราะงั้นเกมนี้พวกเขาเน้นแน่นอน ด้านทีมเยือนบอสเนียฯ ฟอร์มกำลังถอยหลังลงคลองไปเรื่อย หลัง 3 นัด ไม่สามารถเก็บชัยได้เลย แถมเกมนี้ยังขาดสองกองหน้าอีก และต้องเป็นฝ่ายออกมาเยือน เกมนี้ไม่แพ้กลับไปก็หรูแล้ว  อยู่เจ้าบ้านไม่พ่ายคารังแน่นอน

 วอลซอลล์

เจ้าบ้าน วอลซอลล์ ทีมจากศึก ลีวัน ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในลีกทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่โดยพวกเขา แพ้ 3 และชนะ 2 เกมนัดล่าสุดในลีกพวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะ น็อตส์ เค้านท์ตี้ มาได้ 2-1 ทำให้ 2 เกมหลังสุดในลีกพวกเขาชนะรวด

ส่วนผลงานในถ้วยใบนี้รอบที่แล้วพวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะ รอชเดล ทีมร่วมลีกมาได้ 1-0 ตบเท้าเข้ามาสู่รอบนี้ได้สำเร็จ สภาพทีมวันนี้พวกเขาต้องรอเช็คความฟิตของ แซม แมนทอม(2นัด/0ประตู) กันจนนาทีสุดท้ายว่าจะสามารถผ่านความฟิตลงสนามช่วยทีมในเกมวันนี้ได้หรือไม่หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาถูกส่งลงไปเรียกความฟิตในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกมมาแล้ว


 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ทีมเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมจากศึก ลีกวัน ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในลีกทำผลงานได้ดีเลยทีเดียวโดยพวกเขา ชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น ทว่าเกมในลีกนัดล่าสุดพวกเขาเพิ่งเปิดบ้านแพ้ต่อ เบิร์นสลี่ย์ มา 0-1 ทำให้เป็นการพ่ายแพ้นัดแรกในรอบ 5 เกมหลังสุด

เกมนี้เป็นการโคจรมาพบกันเองของทีมจากศึก ลีกวัน โดยเจ้าถิ่น วอลซอลล์ ตอนนี้รั้งอันดับ 18 ของลีก ส่วน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 8 ของตารางอยู่ในขณะนี้ วันนี้ทั้งคู่ก็น่าจะจัดทัพที่ดีที่สุดลงสนามอย่างแน่นอนเพราะการเจอกับทีมที่เล่นในลีกเดียวกันกุนซือทั้งสองทีมไม่มีประมาทแน่นอน ซึ่งดูแล้ว เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ถึงแม้นัดล่าสุดในลีกจะแพ้มาแต่ทว่าฟอร์มโดยรวมยังดูดีกว่า

เจ้าถิ่น วอลซอลล์ อยู่นิดหน่อย ราคาเปิดออกมา เสมอ เป็นราคาที่วัดใจกันไปเลย วันนี้เชื่อเหลือเกินว่า เชฟฟิลด์ฯ ที่ฟอร์มโดยรวมดูดีกว่าน่าจะใช้เกมนี้เป็นการเรียกขวัญและกำลังใจหลังจากเพิ่งแพ้มาเกมในลีก เนื่องจาก วอลซอลล์ เองดูแล้วก็ไม่ค่อยจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่แลกกันไปเรื่อยๆหมัดต่อหมัดสุดท้ายทีมเยือนมีสิทธิ์น็อคเข้าวินสูง ฟันธง วาง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

 อาร์เจนตินา

เกราร์โด้ มาร์ติโน่ผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินาเปิดโอกาสให้คาร์ลอส เตเบซกองหน้ายูเวนตุสกลับมาติดธงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 แต่แนวรับ “ฟ้า-ขาว” ปราศจากมาร์กอส โรโฮกองหลังแมนฯยูไนเต็ดและเอเซเกวล การายเซนเตอร์แบ็กเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กที่โดนโรคเดี้ยงถามหา แดนกลางมีอังเกล ดิ มาเรียกับฮาเบียร์ มาสเคราโน่เป็นแกนหลักผสมโรงกับเหล่าวัยรุ่นอย่างอีริค ลาเมล่า, นิโกลัส ไกตันและ โรแบร์โต้ เปเรย์ร่าที่ยังติดทีมชาติชุดใหญ่ไม่ถึง 10 นัดสักราย แนวรุกนำทัพโดยกัปตันทีมลิโอเนล เมสซี่กับ เซร์กิโอ อเกโรที่กำลังรีดฟอร์มเทพกับแมนฯซิตี้


 โครเอเชีย

นิโก้ โควัคกุนซือ “ตาหมากรุก” โครเอเชียไม่ได้เรียกสองแข้งเก๋าทั้งกองหลัง โจซิป ซิมูนิช (105/3 ประตู) และเพลย์เมคเกอร์นิโก้ ครันช่าร์ (81 นัด/16 ประตู) มาติดทีมชุดนี้ แต่เปิดโอกาสให้นักเตะที่สังกัดสโมสรในประเทศมารับมืออาร์เจนฯถึง 11 ราย โดยจะผนึกกำลังกับดาวเด่นอย่างลูก้า โมดริชจากเรอัล มาดริด, อีวาน ราคิติชของบาร์เซโลน่ารวมถึงคู่กองหน้าอิวิก้า โอลิชกับมาริโอ มานด์ซูคิช ที่ตะบันในเกมทีมชาติรวมกันแล้วกว่า 36 ประตู ซึ่งสโมสรริเยก้ามีผู้เล่นประเดิมติดธงครั้งแรกถึง 7 ราย

โครเอเชียช่วงนี้ผลงานดี แต่คำถามคือกุนซือนิโก้ โควัคต้องการอะไรจากเกมนี้ระหว่างผลการแข่งขันกับประสบการณ์ของนักเตะสายเลือดใหม่ ซึ่งดูจากการเรียกนักเตะคาดว่าคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะเล่นขนวัยรุ่นที่แทบไม่เคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มาติดธงเกิน 10 ราย ทั้งๆที่รู้ว่าแมตช์ต้องชกข้ามรุ่นกับอาร์เจนตินา

ผิดกับฝั่ง “ฟ้า-ขาว” ที่ระดมทีมชุดแกร่งมาหวด ประเมินแล้วอาร์เจนฯมีภาษีลุ้นกำชัยมากกว่าชัดทีเดียว โดยนอกจากทีมชุดแรกแล้วยังมีขุมกำลังสำรองสุดแกร่งที่ดูชั้นเชิงเหนือกว่าเด็กใหม่ของฝั่ง “ตาหมากรุก” หลายขุมรอพิสูจน์ตัวเองอยู่ ส่วนสมรภูมิแข้งไม่มีผลเพราะหวดกันสนามกลาง ประเมินแล้วคู่นี้ฟาดฟันกันระยะยาวคงเสร็จให้กับความเขี้ยวของ “ฟ้า-ขาว” ที่มาแบบอาวุธครบมือจริงๆ

 เบลเยียม

มาร์ก วิลม็อตส์เทรนเนอร์ทีมชาติเบลเยียมเรียกตัว โลร็องส์ เดอ บ๊อกกับโธมัส มูนิเย่ร์สองกองหลังวัยรุ่นค่ายคลับ บรูกมาเสริมหลังบ้านแทนคู่ของ เซบาสเตียน โปโกโยลี่กับ เยลเล่ ฟาน เดมม์ที่ขอถอนตัวเพราะบาดเจ็บ ส่วนแว็งซ็องต์ ก็องปานีกัปตันทีมกับ โลร็องต์ ซิม็องมีชื่อแม้จะพ่วงอาการเดี้ยงอยู่ด้วยและต้องรอทดสอบความฟิตก่อนการแข่งขันอีกที

ฟากแนวรุก “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เตรียมจัดเต็ม มีเอเด้น อาซาร์เพลย์เมคเกอร์เชลซีประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมชุดลุยเวิลด์ คัพ 2014 ไม่ว่าจะเป็นมารูยาน เฟลลายนี่, เกอแว็ง เดอ บรุยน์และหอกร่างใหญ่โรเมลู ลูกากู นอกจากนั้นวิลม็อตส์ยังเรียกดาวรุ่งอย่างอั๊ดนาน ยานาซายจากแมนฯยู รวมถึงหน้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นเจสัน เดนาเยอร์, เดนนิส ปราเย่ต์และยานนิค การ์รัสโก้มาติดธงครั้งแรกด้วย


 ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์ภายใต้การคุมทัพของเทรนเนอร์คู่ ลาร์ส ลาเกอร์บัคกับ ไฮเมียร์ ฮอลกริมส์สันกำลังท๊อปฟอร์มหลังจากกวาดชัย 4 เกมรวดโดยมีฮอลแลนด์กับตุรกีร่วมเป็นเหยื่อ ครั้งนี้มีคิวเยือนเบลเยียมและเบื้องต้นทีมเยือนพร้อมบู๊ด้วยผู้เล่นชุดแกร่ง แนวรับมีตัวเพดานบินระดับชาติสูง ๆ อย่างแร็กนาร์ ซิกูรอสสัน (40 นัด) กับมาร์ ซาวาร์สสัน (43 นัด) เป็นแกนนำ

แดนกลางนำทัพโดยกัปตันทีม อารอน กุนนาร์สสันจากคาร์ดิฟฟ์ รวมถึงมิดฟิลด์แถวสองชั้นดีอย่าง กิลฟี ซิกูรอสสัน (9 ประตู) และโยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สัน (5 ประตู) ส่วนสมาชิกที่เหลือแทบยกยอดมาจากตอนดับซ่าฮอลแลนด์ 2-0 แนวรุกหากจะลุยด้วยแผนหน้าคู่คงเป็นการประสานงานระหว่างคอลบีน ซิกธอร์สัน (16 ประตู) กับอัลเฟรโอ ฟินน์โบกาสันของเรอัล โซเซียดัดที่กดไปแล้ว 4 ประตูในนามทีมชาติ

ภาพรวมเกมเยือนของไอซ์แลนด์ในช่วงที่ผ่านมาย่ำแย่ แต่นาทีนี้มั่นใจว่าจุดบอดดังกล่าวน่าจะถูกชดเชยด้วยฟอร์มการเล่นช่วงขาขึ้นของขุนพลมนุษย์น้ำแข็ง เพราะลูกทีมของลาเกอร์บัคกวาดชัยมา 4 แมตช์ซ้อนในทุกรายการแบบไม่เสียประตู ขนาดว่ามีคู่แข่งเกรดดีอย่างฮอลแลนด์กับตุรกีร่วมเป็นบททดสอบอยู่ด้วย ทริปนี้เยือนเบลเยียมเป็นภารกิจหินไม่เบา

เนื่องจาก “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เล่นดีมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกภายใต้ความดูแลของมาร์ก วิลม็อตส์ แต่ขึ้นชื่อว่าแมตช์อุ่นเครื่องแล้ว สองทีมคงไม่เน้นบู๊ล้างผลาญเพราะหลังจากนี้มีเกมคัดยูโรรออยู่ ดูแล้วน้ำหนักของเกมคงเทไปกับการทดสอบระบบก่อนสอบจริงมากกว่าเน้นผลการแข่งขัน พิจารณาแล้วเรตต่อ “ลูกครึ่งลบน้ำ” ของเบลเยียมค่อนข้างแพงและเชียร์บอลรองที่กำลังท๊อปฟอร์มอย่างไอซ์แลนด์ไปดีกว่า

 ฮอลแลนด์

กุส ฮิดดิ้งกุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ระดมแข้งเก๋าตบเท้ามาช่วยทีมอุ่นเกือกกับเม็กซิโกหวังจูนทีมใหม่หลังทิ้งทวนคัดยูโรหนก่อนด้วยการเสียท่าไอซ์แลนด์ 0-2 โดยมี 3 ทหารเสืออาร์เยน ร๊อบเบน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่และเวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์เพลย์เมคเกอร์ที่รับใช้ชาติมากสุดของทีมชุดนี้ที่จำนวน 109 นัดลงประคองรุ่นน้อง ส่วนปราการหลังบรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้, ตัวตัดเกมไนเจล เดอ ยองก์และ ราฟาเอล ฟาน เพอร์ ฟาร์ทตัวปั้นเกมกัปตันทีมฮัมบูร์กไม่มีชื่อในทัพ “อัศวินสีส้ม”

ขณะเดียวกันฮิดดิ้งเปิดทางให้นักเตะสายเลือดใหม่เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นริคาร์โด้ ฟาน ไรจ์น, โจเอล เวลต์มันสองแนวรับวัยรุ่นจากอาแจ็กซ์ นอกจากนั้นมีเลรอย เฟอร์ที่โชว์ฟอร์มเด่นกับต้นสังกัดคิวพีอาร์ติดโผมาด้วยเช่นกัน ทางด้านแนวรุกมีตัวเซอร์ไพรสต์คือควินซี่ โพรมิสจากสปาร์ตัก มอสโกในลีกรัสเซียมีชื่อติดธงชุดใหญ่เป็นครั้งที่ 3 ที่เซอร์ไพรส์ในแดนหน้าคือฮิดดิ้งเผยจะพักฟาน เพอร์ซี่เพราะไม่ฟิตและจะส่งฮุนเตล่าร์ลงล่าตาข่ายแทน


 เม็กซิโก

คาร์ลอส เวล่ากองหน้าเรอัล โซเซียดัดกลับมาติดทีมชาติครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีและค่ำคืนนี้เทรนเนอร์มิเกล เอร์เรร่าเตรียมส่งเวล่าออกสตาร์ทเป็นตัวจริงที่อัมสเตอร์ดัม อารีน่า โดยจะนับคู่ล่าตาข่ายกับ ชิชาริโต้จากเรอัล มาดริด ซึ่งขุมกำลังชุดนี้ของทัพ “จังโก้” เน้นการใช้งานวัยรุ่นกว่า 10 รายและเกือบทั้งหมดมาจากสโมสรในประเทศ

ทางด้านแนวรุกเป็นดาวดังจากเวทีลา ลีกายกเซตนอกจากชิชาริโต้กับ เวล่า ยังมีราอูล ฆิเมเนซจากแอต.มาดริดและสองพี่น้องโจวานี่ ดอส ซานโต๊สกับ โจนาธาน ดอส ซานโต๊สของบียาร์เรอัล โดยแมตช์นี้เอร์เรร่าจะจัดแผน 5-3-2 รับมือเจ้าถิ่น แดนกลางมี โฮเซ่ วาซเกวซลงคุมเกมและแนวรุกมี อันเดรส กวาดราโด้สร้างสรรค์เกมกับ เอ็คเตอร์ เอร์เรร่า

แค่เปรียบเทียบฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ก็แทบไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่อทีมเยือน เม็กซิโก ยูไนเต็ด โชว์ผลงานร้อนแรงชนะรวด 4 เกมติดในทุกรายการ และยังเสียประตูเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น กลายเป็นคนละทีมกับในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล ทำให้ อลัน พาร์ดิว ได้รับเครดิตจากการคุมทีมไปเต็ม ๆ ซึ่งการได้ผู้เล่นอย่าง โรลันโด้ อารอนส์ หรือ ชีค ติโอเต้ กลับมาสู่ทีมได้อีกครั้ง ยิ่งทำให้ระบบการเล่นเริ่มกลับมาลงตัวและเล่นกันได้เข้าขาอีกครั้ง เรียกว่าลืมสถิติที่ผ่านมาไปได้เลย หันไปดูฝั่งเจ้าบ้านกันบ้าง พวกเขามีปัญหาในเรื่องเกมรับที่เสียประตูถึง 8 ประตูใน 4 เกม (ไม่นับเกมล่าสุด) ซึ่งนั่นเป็นผลพวงมาจากการเสีย โยนาส โอลส์สัน ปราการหลังตัวหลักที่เจ็บ มองดูแล้วงานนี้น่าจะโดนทีมเยือนบุกลูบคมอย่างแน่นอน ฟันธง! รอง “สาลิกาดง” บุกซิวชัยเก็บสามแต้มล้ำค่ากลับบ้าน หรืออย่างแย่ไม่น่าแพ้ในเกมนี้…!

 นอร์เวย์

นอร์เวย์ ตัวแทนจากสแกนดิเวียน เตรียมลงลับแข้งในเกมอุ่นเครื่องกับเอสโตเนีย ก่อนจะมีคิวดวลเกือกกับอาเซอร์ไบจันในศึกคัดยูโร กลุ่มเอช ในอีก 3 วันถัดไป ซึ่งหากนอร์เวย์ บวกเพิ่มได้อีก 3 แต้ม จะทำให้พวกเขาพกสถิติเก็บชัย 3 เกมติดต่อกันทันที อย่างไรก็ตามผลงานในเกมกระชับของ “ไวกิ้ง” ที่ผ่านมาถือว่า เข็นไม่ขึ้น เมื่อเอาชนะคู่แข่งได้เพียงครั้งเดียวในรอบ 10 เกมท้าย

เพอร์ ฮ็อกโม่ ผู้จัดการทีมเจ้าบ้าน เรียกนักเตะมาช่วยทีมทั้งสิ้น 24 ชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าดาวเตะที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น มาร์ติน โอเดการ์ด กองกลางวัย 15 ปี ที่กลายเป็นแข้งติดทีมชาติอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนึ่งศึกยูโร รอบคัดเลือก หลังจากลงสนามในบทบาทตัวสำรองช่วงครึ่งหลังที่พบกับบัลแกเรีย เจ้าตัวจึงติดธงในวัยเพียง 15 ปี กับอีก 300 วันเท่านั้น ส่วนแข้งรายอื่นๆที่น่าสนใจก็มี ทาริก เอลยูนุสซี่ ดาวยิงจากฮอฟเฟ่นไฮม์, ทอม ฮอกลี่ กองหลังจากโคเปนเฮเก้น และกัปตัทีม เพอร์ สเคลเบร็ด


 เอสโตเนีย

แม็กนุส เพิร์สสัน เทรนเนอร์ทีมชาติเอสโตเนีย พาทีมแพ้มา 2 เกมติดต่อกันในศึกคัดยูโร แต่เกมถัดไปเป็นโอกาสดีของเจ้าบ้าน เนื่องจากจะยกพลไปเยือนสมันน้อยอย่างซานมาริโน่ ทั้งนี้ เพิร์สสัน เรียกผู้เล่นเข้ามาสู้ศึกร่วม 23 ราย ซึ่งตัวทีเด็ดคงหนีไม่พ้น คอนสแตนติน วาสซิเยฟ กองกลางวัย 30 จาก ปิอาสต์ กลิไวซ์ ในลีกโปแลนด์ ที่กดไป 17 ลูก จาก 73 นัด ขณะที่อีกหนึ่งความหวังในการทำประตู ต้องฝากไว้กับ เฮนรี่ อานิเย่ร์ กองหน้าเอเซเบียเก้ เอา ซึ่งยิงไป 19 นัด 5 ประตู

เอสโตเนีย พัฒนาขึ้นมาเยอะทีเดียว หากมองจากผลงานในศึกยูโร ซึ่งอาจจะแพ้มา 2 เกมติด ทว่าหากมองจากการพ่ายต่ออังกฤษ เพียง 0-1 ทั้งที่เหลือ 10 คน แสดงว่าพวกเขามีดีพอตัว อย่างน้อยก็เรื่องวินัยในเกมรับ และเชื่อว่าเอสโตเนีย จะใช้แท็กติครับแล้วโต้ ตามเคย เพราะเกมนี้ต้องเป็นฝ่ายบุกเยือนทีมที่มาตรฐานสูงกว่าอย่างนอร์เวย์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทีมจากสแกนดิเนเวีย ในการจะไล่เจาะหลังบ้านอาคันตุกะ ยิ่ง “ไวกิ้ง” ไม่ได้เป็นทีมที่มีสถิติการยิงประตูแบบถล่มทลายต่อเกม บ่อยครั้งพวกเขาเอาชนะคู่แข่งแบบหวุดหวิด กอปรกับเอสโตเนีย อยู่ในช่วงเหนียวแน่น มองยังไงเจ้าถิ่นไม่น่าชนะเกินลูก แถมมุมเสมอยังเปิดกว้างด้วย

 ตุรกี

“ทัพไก่งวง” ภายใต้การคุมทัพของ ฟาห์ติ เตริม ผลงานยังไม่เข้าที่เข้าทาง รอบคัดเลือกยูโร เพิ่งมีแต้มเดียวจาก 3 เกม จากผลเสมอลัตเวีย 1-1 เมื่อเดือนที่แล้ว

ทางด้าน วอลคาร เซน มิดฟิลด์วัย 27 ปี จากบูร์ซาสปอร์กลับมาติดทีมครั้งแรก  หลังจากหลุดยาวตั้งแต่พฤษภาคม 2010  โดยบรรดาสตาร์ยังอยู่กันครบทั้ง อาร์ดา ตูราน ปีกกัปตันทีมจากแอตฯมาดริด, ฮามิต อัลตินท็อป กองกลางกาลาตาซาราย รวมถึงแนวรุกอย่าง บูรัค ยิลมาซ และ อูมุต บูลัต จากกาลาตาซาราย


 บราซิล

“เซเลเซา” แชมป์โลก 5 สมัย  ภายใต้การบัญชาการของ คาร์ลอส ดุงก้า ทำผลงานหลังจบฟุตบอลโลกได้ดี โดยชนะรวด 4 เกมซ้อนแบบไม่เสียประตู โดยล่าสุด บุกอัดญี่ปุ่น 4-0 จากการเหมาซัดของ เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม ทำให้ยอดซัลโวของดาวเตะจาก บาร์เซโลน่าพุ่งถึง 40 ประตูจากการเล่น 58 เกม

ส่วนกลุ่มที่ยังไม่เคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มี 6 รายนั่นคือ ลุยซ์ อาเดรียโน่, ดักลาส คอสต้า, เฟร็ด (ชัคตาร์ โดเนตส์ทั้งหมด), โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ จาก ฮอฟเฟ่นไฮม์, อันแดร์สัน ทาลิสก้า จาก เบนฟิก้า และ เนโต้ จาก ฟิออเรนติน่า

ตุรกี ได้เปรียบในฐานะเจ้าถิ่น มีเสียงเชียร์แฟนบอลหนุนหลัง กระนั้น ฟอร์มระยะหลังยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก โดยเฉพาะแนวรุกที่ดูขาดๆเกินๆ  ขณะที่ บราซิล เริ่มเรียกความมั่นใจคืนมา แผงหน้ายิงประตูได้สม่ำเสมอขึ้น ที่สำคัญยังมีเนย์มาร์เป็นตัวขับเคลื่อน เกมนี้บราซิลดูดีกว่า เจ้าถิ่นมีเกมอย่างเป็นทางการรออยู่ อาจต้องกั๊กไว้บ้าง บราซิลมีสิทธิ์บุกมาชนะ เรตนี้แพงไปนิดสำหรับการมาเยือน แต่ยังน่าต่ออยู่

ตีแตกราคากับเซียนแกะ บราซิล บุกมาต่อที่ 1 ลูกเต็ม ทีมเยือนที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักยิงกระจุยทุกนัด นักเตะเล่นกันเข้าที่เหลือเกิน  ด้านเจ้าถิ่นฟอร์มยังระส่าย ยังหาชัยชนะไม่เจอเลยในรอบคัดเลือก แถมมีศึกสำคัญรออยู่ นัดนี้น่าจะเล่นเพื่อประครองทีมเท่านั้น  สถิติที่เคยเจอกันมานั้น ถึงบราซิลจะกำชัยเหนือกว่า แต่ก็ยังไม่เคยชนะเกิน 1 ลูกเลย ดังนั้นราคาที่ออกมาวันนี้ วัดใจอยู่แซมบ้า

 บริสตอล ซิตี้

“เดอะ โรบินส์” ผงาดนำเป็นจ่าฝูง ลีก วัน ด้วยแต้มห่าง เปรสตัน นอร์ธเอนด์ อันดับ 2 อยู่ 5 คะแนน  ฤดูกาลนี้เป็นทีมเดียวในลีก วัน ที่ยังไม่แพ้ใคร  ส่วนนัดล่าสุดในเอฟเอ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพิ่งบุกชนะจิลลิ่งแฮม 2-1 ลิ่วเข้ารอบสำเร็จ

สำหรับผลงานในถ้วยนี้ บริสตอล ซิตี้ บุกชนะ เชลท์แน่มถึง 3-1 ในรอบที่แล้ว จากการทำประตูของ โครี่ย์ สมิธ ที่ซัดคนเดียว 2 ประตู และ เวส เบิร์นส์ อีกหนึ่งลูก  สภาพทีมกำลังลงตัว คาดว่า สตีฟ ค็อตเตอร์ริลล์ น่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิมต่อไป


 เอเอฟซี วิมเบิลดัน

“เดอะ ดันส์” ยังรั้งอยู่โซนล่างของลีก ทู ฟอร์มระยะหลังไร้ความเด็ดขาด ไม่ชนะคู่แข้ง 5 นัดติดต่อกันในทุกรายการแล้ว โดยนัดล่าสุด เสมอ ยอร์ค ซิตี้ 1-1  ในถ้วย เอฟเอ คัพ วันเสาร์ที่ผ่านมา  นอกบ้านชนะแค่นัดเดียวจาก 8 เกมหลังสุดในทุกรายการ

สำหรับรายการนี้ เอเอฟซี วิมเบิลดัน ลงเล่นมาแล้ว 2 รอบ โดยรอบแรกเฉือนชนะจุดโทษ เซาธ์เอนด์ อย่างหวุดหวิด  ส่วนรอบที่แล้ว บุกชนะ มิลตัน คีนส์ ดอนส์ ทีมที่แยกตัวออกไปจากพวกเขาอย่างสุดมัน 3-2

บริสตอล ซิตี้ กำลังเข้าฟอร์มอย่างแรง นักเตะมั่นใจสุดๆ สภาพทีมไม่บอบช้ำ แถมได้เล่นในบ้านตัวเอง  ขณะที่ เอเอฟซี วิมเบิลดัน เล่นนอกบ้านไม่ดีนัก แม้ระยะหลังแพ้ยาก แต่มาเยือนแบบนี้มีสิทธิ์เศร้า บริสตอล ซิตี้ พร้อมกว่าเยอะ

ตีแตกราคากับเซียนแกะ เจ้าบ้านเดอะ โรบินส์ เปิดราคามาต่อที่ 1.25  ฟอร์มของเจ้าบ้านนั้นจัดว่าดุจริงๆ 6 นัดหลังยังไม่พ่ายต่อทีมใด แถมเก็บชัยได้ึถึง 4  และสามารถยิงประตูได้ทุกนัด  ด้านทีมเยือน 5 นัดหลังไม่ไม่สามารถเก็บชัยได้เลย  นัดนี้เป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองทีมอีกด้วย  ศักยภาพนักเตะก็ต่างกันพอสมควร ด้านความมั่นใจและเสียงเชียร์เจ้าถิ่นเหนือกว่าแน่ๆ ทีมเยือนน่าจะมาเน้นรัดกุมไว้ก่อน แต่ก็ไม่น่าต้านไหว ราคาที่ออกมาก็สวย อยู่ต่อเจ้าบ้านสบาย

 ครอว์ลี่ย์ ทาวน์

“เดอะ เร้ดส์” ยังรั้งอยู่กลางตารางลีก วัน ฟอร์มโดยรวมไม่แกร่งเท่าไหร่ 6 เกมหลังสุดในทุกรายการชนะแค่นัดเดียว  ส่วนนัดล่าสุด พ่าย โยวิล 0-1  ร่วงตกรอบเอฟเอ คัพ มาหมาดๆ

จอห์น เกรกอรี่ นายใหญ่วัย 60 ปี ที่เคยคุม แอสตัน วิลล่า, ดาร์บี้ และ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ไม่น่าปรับทัพจากทีมชุดล่าสุดที่เล่นในบอลถ้วย โดยจะจัดระบบ 4-4-2 ลงเล่นในนัดนี้


 จิลลิ่งแฮม

จิลลิ่งแฮม หล่นมาอยู่โซนแดงในลีก วัน  10 เกมหลังสุดในทุกรายการไม่ชยะคู่แข่งใน 90 นาที  โดยเกมล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พ่าย บริส ตอล ซิตี้ 1-2  ร่วงตกรอบเอฟเอ คัพ

ส่วนผลงานในรายการนี้ จิลลิ่งแฮม ผ่านเข้ารอบด้วยการชนะ สตีฟเนจ 1-0 ในรอบแรก  ส่วนรอบที่แล้วบุกเสมอ โคลเชสเตอร์ 3-3  ก่อนชนะในการดวลจุดโทษ ผ่านเข้ารอบสำเร็จ

ผลงานระยะหลังไม่ค่อยเฉียบคมทั้งคู่ ครอว์ลี่ย์ทาวน์ได้เปรียบเล็กน้อยในฐานะเจ้าถิ่น แต่แนวรุกไม่ดุ  ขณะที่ จิลลิ่งแฮม แพ้ง่ายไปหน่อย แนวรับยังเป๋โดนส่องง่าย เรตนี้ถูกเหมือนได้เปล่า ต่อคอรว์ลี่ย์ ทาวน์ เต็มประตู

ตีแตกราคากับเซียนแกะ ครอว์ลี่ย์ ทาวน์ เปิดบ้านต่อที่ ป.ป.  ผลงานของทั้งสองทีมนั้นเรียกได้ว่าแย่แทบไม่ต่างกันเลย นัดนี้ราคาออกมาก็เปรียบเหมือนบอลสามหน้า ที่จะออกหน้าไหนก็ได้ เพราะเป็นบอลถ้วย และฟอร์มแย่ด้วยกันทั้งคู่ ต่างแค่เจ้าบ้านได้เปรียบเพราะได้เล่นในถิ่นของตัวเอง แต่ทีมเยือนก็มาสู้เต็มที่แน่ นัดนี้อาจจะได้เห็นการยิงจุดโทษอีกรอบ

 บิวรี่

“เดอะ เช็กเกอร์ส” ทีมหัวตารางจากลีก ทู ฟอร์มโดยรวมยังแข็งแกร่ง ในลีก ชนะ 3 จาก 5 เกมหลุงสุด รั้งอันดับ 4 และ มีแต้มห่างจ่าฝูงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น สำหรับผลงานในรายการนี้ รอบที่แล้ว พวกเขาอัดมอร์แคมบ์ยับ 3-1  จากการทำ 2 ประตูของ ดาเนี่ยล มาร์ดีลโล่ กองหน้าตัวเก๋าวัย 32 ปีที่เคยอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ดระหว่างปี 2000-05 (แต่ไม่ได้เล่นในลีกแม้แต่นัดเดียว)

ทีมเพิ่งเสริมทัพด้วยการยืม เฮย์เดน ไวท์ ปราการหลังมาจากโบลตันในลีกแชมเปี้ยนชิพ  รวมถึง คอร์ทนี่ย์ ดัฟฟัส กองหน้าดาวรุ่งจากเอฟเวอร์ตัน โดยมีสัญญาถึงเดือนมกราคมทั้งคู่


 ทรานเมียร์

ทีมจากเมืองลิเวอร์พูล อยู่แค่ท้ายตารางลีก ทู  กระนั้นผลงานระยะหลังดีขึ้น ในลีก ไม่ชนะใครมา 11 นัดแล้ว แต่ 3 เกมหลังเสมอทั้งหมด  ส่วนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉือนชนะ บริสตอล โรเวอร์ส 1-0 ในถ้วย เอฟเอ คัพ ผ่านเข้ารอบสำเร็จ

ทีมเพิ่งปล่อย จอร์จ บาร์เกอร์ ผู้เล่นกองหน้าวัย 23 ปี กลับไปให้สวินดอน ดาวน์ หลังหมดสัญญายืมตัว

ผลงานในลีกของทั้งสองทีมต่างกันโดยสิ้นเชิง บิวรี่ฟอร์มยังเปรี้ยงปร้าง แถมได้เล่นในบ้าน  ขณะที่ทรานเมียร์อาจต้องหันไปเน้นในลีกมากขึ้น สถิติเจอกันระยะหลังสูสี ผลัดกันแพ้ชนะ แต่ชั่วโมงนี้บิวรี่คมกว่า น่าบดชนะสบาย

ตีแตกราคากับเซียนแกะ บิวรี่เปิดบ้านต่อที่ 0.75  ราคาเปิดออกมาน่ากลัวพอสมควร เจ้าบ้านที่ฟอร์มกำลังดี ยิงประตูได้เกือบทุกนัด แถมฤดูกาลนี้เกมในบ้านถือว่าแข็งแกร่ง เก็บชัยในบ้านได้มา 3 นัดติดแล้ว  ด้านทีมเยือนฟอร์มเริ่มกลับมาเข้าที่ก็จริง แต่ผลงานนอกบ้านนั้นถือว่ายังระส่ำ แถมเพิ่งปล่อยกองหน้าตัวจี๊ดไปอีกด้วย วันนี้ถึงจะเป็นบอลถ้วย และสถิติที่เจอกันมาจะไม่ขาด แต่คิดว่าเจ้าบ้านเก็บชัยได้แน่