เบลเยี่ยม

“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ภายใต้การคุมทัพของ มาร์ค วิลม็อตส์ ออกสตาร์ตมาแค่ 2 เกมเท่านั้นบนเส้นทาง สาย ยูโร 2016 รอบคัดเลือก โดยพวกเขาเก็บ 4 แต้มหลังจากชนะ 1 เสมอ 1  หลังชนะอันดอร์รา 6-0 ในบ้าน ก่อนบุกไปเสมอ บอสเนียฯ 1-1  ขณะที่เกมอุ่นเครื่องล่าสุดกดไอซ์แลนด์ 3-1

กลางสนาม เควิน เดอ บรอยน์ จะกลับมาทวงตำแหน่งตัวจริง  อีกตำแหน่ง มารูยาน เฟลไลนี่ น่าจะออกสตาร์ตตัวจริงร่วมกับ อั๊กเซิ่ล วิตเซิ่ล  แดนหน้านั้มีให้เลือกเยอะแต่คาดว่าน่าจะใช้ เอแด็น อาซาร์, โรเมลู ลูกากู และ ดิว็อค โอริกี้ ออกสตาร์ตก่อน  โดย คริสติย็อง เบนเตเก้ กับ อั๊ดนาน ยานาไซ เป็นแค่สำรองไปก่อน


 เวลส์

ด้าน คริส โคลแมน กุนซือของ “มังกรแดง” พาทีมมีผลงานยอดเยี่ยมทีเดียวในการคัดเลือกยูโร 2016 หนนี้ เมื่อลงเล่น 3 เกมยังไร้พ่าย โดยเป็นการชนะ 2 เสมอ 1 หลังบุกชนะอันดอร์รา 2-1 ยันเสมอบอสเนียฯ ในบ้าน 0-0  และเชือดไซปรัส เกมที่แล้วหวุดหวิด 2-1

ขณะที่เกมรุก แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทีมจาก เรอัล มาดริด สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้แล้วหลังเล่นให้ต้นสังกัดมา 3 นัด เกมนี้จะเล่นเป็นตัวฟรีอยู่ข้างหลัง ฮัล ร็อบสัน คานู หัวหอกตัวเป้ารายเดียว

เปิดมาเบลเยี่ยมต่อแพงเหลือเกิน ยิงสองเม็ดยังได้แค่ครึ่งเดียว แน่นอนว่าชื่อชั้นเกรดบอล รวมถึงความได้เปรียบที่พวกเขาเล่นในบ้าน องค์ประกอบทุกอย่างเป็นใจหมด กระนั้นปีศาจแดงแห่งเบลเยี่ยมไม่ใช่ทีมที่ยิงอะไรเยอะ ยามเล่นเกมอย่างเป็นทางการแม้ตัวรุกดีๆเพียบ  ขณะที่จังหวะสวนกลับของเวลส์ชุดนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยม นักเตะอย่าง โจ อัลเลน, อารอน แรมซี่ย์ รวมถึง แกเร็ธ เบล สามารถป่วนเกมรับของเจ้าบ้านที่ขาดก็องปานีได้แน่นอน โอกาสเต็มที่แค่เบียดเท่านั้นสำหรับเบลเยี่ยม

ตีแตกราคากับเซียนแกะ เบลเยี่ยมเปิดราคามาที่ 1.75  ตอนนี้ไหลมาที่ 1.5 แล้ว แปลว่าบอลกำลังเปลี่ยนกระแส ด้านเจ้าบ้านฟอร์มกำลังร้อนแรงพอสมควร 4 เกมหลัง เก็บชัยได้ถึง 3 เกม ยิงรวมไปแล้ว 12 ประตู  ส่วนทีมเยือน ถึงแม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็เป็นการชนะแบบเบียดๆเท่านั้น แถมยังเจอทีมที่อ่อนกว่าตัวเอง วันนี้ต้องมาเจอของแข็งอย่างเบลเยี่ยม ที่ผู้เล่นพร้อมมือ ถึงแม้ว่ามังกรแดงจะมีผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ดังคอยช่วยทีม แต่จะให้คนคนเดียวแบกทั้งทีมก็คงไม่ไหว วันนี้อยู่เจ้าบ้านมีเฮแน่

 ฮอลแลนด์

“อัศวินสีส้ม” ภายใต้การคุมทีมของ กุส ฮิดดิ้งค์ ผลงานย่ำแย่มาก โดยแพ้ถึง 4 จาก 5 เกม ในทุกรายการ ล่าสุดเสียท่าเม็กซิโก 2-3 ในเกมอุ่นเครื่อง  เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา  ส่วนในรอบคัดเลือก สถานการณ์วิกฤติ มีแค่ 3 แต้ม จาก 3 นัดแรก ทำให้กุนซือวัย 67 ปี ประกาศว่าพร้อมลาออกทันทีหากแพ้ในเกมนี้

ทางด้าน อาร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวฉกาจต้องรอทดสอบความฟิต หลังมีอาการเจ็บระหว่างซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หากไม่ไหว อาจใช้งาน ลูเซียโน่ นาร์ซิงห์  ขณะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ไม่ได้ลงเล่นในนัดอุ่นเครื่อง เนื่องจากเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ฟื้นตัวพร้อมกลับมาล่าตาข่ายทันที


 ลัตเวีย

ลัตเวียของกุนซือ มาริยัน ปาฮาร์ส ยังไม่ชนะใครในรอบคัดเลือก ยูโร โดยมีแค่ 2 แต้ม จาก 3 นัดแรก นัดที่แล้วตามตีเสมอตุรกี 1-1 ผลงานนอกบ้านสุดห่วย  แพ้ถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ

อย่างไรก็ดี ทีมขาด อาร์ติส ลาซดินส์ กองกลางที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ อันดริส วานินส์ ผู้ัรักษาประตูมือหนึ่ง พลาดลงสนามทั้งคู่

ฮอลแลนด์ผลงานแย่ก็จริง แต่เกรดบอลยังเหนือกว่าเยอะ สถานการณ์หลังพิงฝาแบบนี้ แถมได้กองเชียร์หนุน น่ามีลูกฮึด แม้ว่าแนวรับค่อนข้างมีปัญหา แต่แนวรุกยังฉกาจ  ขณะที่ลัตเวียเล่นนอกบ้านไม่ดีอยู่แล้ว นัดนี้มาตั้งรับแน่นหวังแค่หนึ่งแต้มอยู่แล้ว แต่ทัพดัตช์เข้าตาจน เกมนี้ยิงไม่ยั้ง

ตีแตกราคากับเซียนแกะ เจ้าบ้านทัพกังหันเปิดราคามาแพงเหลือเกินที่ 2.25  ฟอร์มของเจ้าบ้านชั่งแผ่นเหลือหลาย แถมตัวผู้เล่นหลักๆชุดฟุตบอลโลก ก็พากันเจ็บถอนตัวกันไปเยอะ  แถมกองหน้าเพชรฆาตอย่าง RVP ก็ฟอร์มดร็อปลงไปเยอะเลยทีเดียว มีการเรียกตัวผู้เล่นใหม่ๆมาติดน่าจะมีปัญหากันบ้างในการสื่อสาร และความสามัคคีของทีม  ด้านลัตเวีย ถึงฟอร์มจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่แนวรับของพวกเขาก็เล่นกันได้อย่างเหนียวแน่นสุดๆ นัดนี้มาสู้สุดใจแน่นอน มองว่าฮอลแลนด์น่าจะมองถึงการเก็บ 3 แต้มชัวร์ๆมากกว่าการที่จะยิงแบบถล่ม หรือเปิดเกมแลกแล้วเสี่ยงเสมอหรือแพ้ นัดนี้เต็มที่ 2 ลูก

 มอนเตเนโกร

บรังโก้ เบอร์โนวิชเทรนเนอร์มอนเตเนโกรได้รับข่าวร้ายสุด ๆ เมื่อศูนย์หน้ากัปตันทีมมีร์โก วูซินิชเจ็บส้นเท้าและขอปลีกตัวกลับไปรักษาที่ต้นสังกัดอัล จาซีร่าแล้ว ทำให้ภาระหนักตกอยู่กับสเตวาน โยเวติชสตาร์จากแมนฯซิตี้คนเดียวเน้น เพราะกองหน้าในสต๊อคอีกสองรายปัจจุบันหากินแค่ระดับเอเชียในลีกจีนเท่านั้น

แดนกลางที่พอมีชื่อหน่อยคือเอลซ้าด ซเวโรติชมิดฟิลด์ชั่วโมงบินทีมชาติสูงจากฟูแล่มและ วลาดิเมียร์ โบโซวิชห้องเครื่องวัย 33 ปีที่ลงเล่นให้มอนเตฯมา 41 เกม


 สวีเดน

อีริค ฮัมเรนกุนซือทีมชาติสวีเดนเตรียมอ้าแขนรับซลาตัน อิบราฮิโมวิชกองหน้าเบอร์หนึ่งกลับมาช่วยทีมหลังจากหายเจ็บ พร้อมกันนั้นได้เรียกตัวบรานิเมียร์ เฮอร์โกต้าตัวรุกกลัดบัดกับ จอห์น กีเด็ตติของกลาสโกว์ เซลติกมาเสียบแทนคู่เก๋าโยฮัน เอลมันเดอร์และโอล่า ตอยโวเน่นซึ่งโดนไข้เดี้ยงถามหา

แดนกลางมีมิดฟิลด์รุ่นน้าคิม คัลสตรอมร่วมคุมจังหวะเกมกับเซบาสเตียน ลาร์สสัน แนวรับฮัมเรนน่าส่งมิคาเอล อันตอนส์สันกับ ปิแอร์ เบงส์สันคู่หูจากโคเปนเฮเก้นเป็นตัวยืน

มอนเตเนโกรเก็บชัยชนะได้หนเดียวตั้งแต่เปิดรอบคัดเลือกมาคือตอนทุบทีมรองบ่อนมอลโดวา 2-0 แต่ภาพรวมที่เหลืออยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วง ซ้ำร้ายคืนนี้ดันมาเสียแนวรุกเบอร์หนึ่งอย่างวูซินิชให้กับไข้เดี้ยงแบบกระทันหัน เชื่อว่าการจัดทัพของเบอร์โนวิชน่าจะมีเสียกระบวนและอาจส่งผลถึงขวัญของนักเตะที่เหลือด้วย เพราะไม่มีกัปตันทีมลงเป็นอาวุธเด็ด สวนทางกับสวีเดนที่ผลงานใช้ได้อยู่แล้ว

แถมทริปนี้ได้ซลาตันหายเจ็บทันกาล ซึ่งน่าจะช่วยให้ภาษีในการลุ้นสามแต้มของทีมจากสแกนดิเนเวียเปิดกว้างขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่เดิมทีเทียบกันแล้วนาทีนี้ก็มีภาษีจะแจ้งกว่าเจ้าบ้านอยู่แล้ว จากการประเมิน ณ จุดนี้สวีเดนชัดเจนกว่าทั้งลูกเก๋าและความครบเครื่อง … “ปปลบห้า” มองว่ายังน่าต่อทีมเยือน

 สวิตเซอร์แลนด์

ทีมจากแดนนาฬิกาของกุนซือ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช เปิดตัวไม่ดีนักหลังผ่าน 3 นัดแรก ด้วยชัยชนะแค่นัดเดียว จากเกมล่าสุดที่อัดสมันน้อย ซานมารีโน 4-0 เมื่อเดือนที่แล้ว

ส่วนบรรดาแข้งดังอย่าง เซอร์ดาน ซากิรี่ ตัวรุกจากบาเยิร์น มิวนิค และ โกคาน อินเลอร์ กัปตันทีมจาก นาโปลีต่างพร้อมลงเล่นทั้งหมด


 ลิทัวเนีย

ลิทัวเนีย มี 6 แต้ม จาก 3 เกมแรก หลังนัดล่าสุดพ่ายสโลวีเนียคารัง 0-2 อันดับหล่นลงมา  อย่างไรก็ตาม พวกเขามีปัญหานอกบ้านแพ้ 3 จาก 6 เกมเยือนหลังสุดในรอบคัดเลือกทั้งยูโรและฟุตบอลโลก

ทั้งนี้ จีดริอุส อาร์เลาส์คิส นายทวารมือหนึ่ง, เซาลิอุส มิโคลิอูนาส มิดฟิลด์ตัวเก๋า และ เดวีดาส มาตูเลวิซิอุส กองหน้าจากพานดูรีที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ทั้งหมด

สวิตเซอร์แลนด์มีปัญหาขาดแนวรับไปหลายราย ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบไม่น้อย อย่างไรก็ดี บรรดาตัวรุกยังอยู่กันครบ แถมได้เล่นใน้บานตัวเอง  ขณะที่ ลิทัวเนีย สภาพทีมเป็นทัพใหญ่แต่เกรดบอลเป็นรอง สวิสสถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ นัดนี้เน้นเต็มสูบแน่น่าบดชนะได้ไม่ยาก ลุ้นถึง 2 เม็ดได้เลย

 สเปน

สเปน แก้ตัวด้วยการยกพลไปถล่มลักเซมเบิร์ก 4-0 เมื่อเกมล่าสุด เท่ากับเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือขรัวเฒ่า ไม่ได้เรียก เชส ฟาเบรกาส และ ดีเอโก้ คอสต้า สองคู่หูจากเชลซี เข้ามาติดทัพ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บติดตัว เช่นเดียวกับ ดาบิด ซิลบา กับ อันเดรียส อิเนียสต้า สองจอมทัพจากแมนฯ ซิตี้ และ บาร์เซโลน่า ก็ยังอยู่ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บ จึงหลุดโผไปตามระเบียบ

ส่วนอีกหนึ่งมิดฟิลด์ฟอร์มร้อนอย่าง โกเก้ ถูกดึงตัวเข้ามาแทน ภายหลังที่ดาวเตะวัย 28 ยิงไป 3 ลูก และทำ 11 แอสซิสต์ส ให้กับ “ตราหมี” ซีซั่นนี้ ส่วนการจัดทัพ คาดว่า เดล บอสเก้ จะยึดระบบ 4-3-3 วาง เปโดร, ปาโก้ อัลกาเซอร์ และ โฆเซ่ กาเยฆ่อน เป็นสามประสานในแนวรุก


 เบลารุส

จอร์จี้ คอนดราติเยฟ กลายเป็นอดีตกุนซือเบลารุส หลังจากไขก๊อกลาออกจากตำแหน่ง กับฟอร์มอันย่ำแย่ของลูกทีม โดยหายไป 2 เกมติดต่อกัน ทั้งที่เล่นในบ้านตัวเอง ส่งผลให้ อังเดร ซิกมันโตวิช มานั่งเก้าอี้ผู้จัดการชั่วคราวไปก่อน ทั้งนี้ ซิกมันโตวิช เรียกนักเตะเข้ามาช่วยทีม 23 ราย และไม่มีแข้งทีเด็ดในยุโรปเป็นดาราชูโรงแม้แต่รายเดียว ซึ่งพอจะอวดได้ก็มี เซอร์เก คอร์นิเลนโก้ ดาวยิงจาก คริเลีย โซเวตอฟ ที่กดไป 15 ประตูจาก 63 นัดในการรับใช้ชาติ

เบลารุส มาคราวนี้ ไม่มีพัฒนาการใดๆให้เห็น ซึ่งก็คงไม่มีทางต้านสเปน ซึ่งเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ เมื่อบุกไปยำลักเซมเบิร์ก 4-0 ถึงแม้เกมดังกล่าว จะวัดอะไรไม่ได้มาก ทว่าชั่วโมงนี้ มาตรฐานผู้มาเยือน ก็ไม่ได้เหนือกว่าลักเซมเบิร์ก

ซึ่งทั้งสองทีมเคยเสมอกันมาแล้วในเกมออกสตาร์ทของรอบแบ่งกลุ่ม ดังนั้นสามแต้ม ไม่น่าจะหลุดมืออดีตแชมป์ยูโร 2008 และ 2012 ซึ่งมองจากเกมรับที่เปื่อยยุ่ยของเบลราสุส กอปรกับเกมบุกอันน่ากลัวของสเปน โอกาสยิงทะลุราคา “สองลูกครึ่งควบ” เปิดกว้างทีเดียว

 ออสเตรีย

มาร์เซล โคลเลอร์เทรนเนอร์ทีมชาติออสเตรียต้องการชัยชนะเพื่อรักษาตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปโดยไม่ต้องลุ้นผลสนามอื่น ซึ่งแมตช์นี้เจ้าบ้านระดมพลชุดแกร่งมารอต้อนรับรัสเซีย แต่ยังไร้เงาอดีตกัปตันทีมอันเดรียส อิวานส์ชิตซ์ที่่ผลงานกับเลบันเต้ไม่เด่นพอและห่างจากการรับใช้ชาติมากว่า 5 เดือน ส่วนคีย์แมนรายอื่นอยู่กันพร้อมเพรียง

แนวรับนำทัพมาโดยแบ็กซ้ายกัปตันทีมคริสเตียน ฟุคส์รวมถึงกองหลังประสบการณ์สูงทั้งเซบาสเตียน โพรเดิ้ลและจอร์จี้ การิคส์ แดนกลางส่วนใหญ่อิมพอร์ตจากเวทีบุนเดสลีก้า เยอรมันไม่ว่าจะเป็นดาวิด อลาบานักเตะสารพัดประโยชน์ค่ายบาเยิร์น, มาร์ติน ฮาร์นิคของสตุ๊ตการ์ต แนวรุกมีมาร์ก ยานโก้ (42 นัด/18 ประตู) ตัวเก๋าที่่ยังถูกเลือกแม้ว่าล่าสุดจะลดระดับการเล่นจากทวีปยุโรปไปหากินแถวออสเตรเลีย


 รัสเซีย

ฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซืออิตาเลี่ยนยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ต่อไปถึงแม้มีข่าวออกมาสหพันธ์ลูกหนังรัสเซียถังแตกไม่จ่ายค่าจ้างมาแล้วหลายเดือน โดยทริปเยือนเวียนนาคราวนี้มีการดึงนักเตะหน้าใหม่มาสมทบถึง 12 คน ซึ่งแต่ละรายประสบการณ์ติดทีมชาติชุดใหญ่แค่เลขตัวเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามพวกเพดานบินสูง ๆ อย่างกัปตันทีมวาซิลี่ เบเรซุตสกี้, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิชยังพร้อมลงประคองเกมรับ แดนกลางมีเพียงอิกอร์ เดนิซอฟ, โรมัน ชิโรคอฟและ อเล็คซานเดอร์ ซาเมดอฟเท่านั้นที่อายุแตะเลข 3 แล้ว ด้านแนวรุกมีวัยรุ่นฟอร์มแรงอย่างอเล็คซานเดอร์ โคโคริน (7 ประตู) คอยประสานเกมรุกกับอเล็คซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟที่ยิงสูงสุดของทีมชุดนี้ (28 ประตู)

ฟอร์มของออสเตรียไม่ได้โดดเด่นเปรี้ยงปร้าง แต่อย่างน้อย ๆ ทีมของมาร์เซล โคลเลอร์มีความเหนียวแน่นเป็นต้นทุนและแพ้ยาก โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ไร้พ่ายมาต่อเนื่อง 6 เกมในทุกรายการและเสียประตูน้อยมาก แมตช์นี้มีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ทำให้แข้งออสเตรียคงทุ่มสุดตัวแบบไร้ข้อสงสัย แต่ประเมินแล้วภารกิจคราวนี้ของออสเตรียยากทีเดียว

เมื่อแขกรับเชิญคือรัสเซียที่พลาดท่าเบลเยียมหนเดียวในรอบ 17 เกมหลังสุด เคราะห์ดีว่าแมตช์นี้แข้งหมีขาวเล่นเป็นทีมเยือน เพราะระยะหลังเด็ก ๆ ของคาเปลโล่เก่งแต่เกมเหย้าแต่พอออกมาเล่นนอกบ้านแทบไม่ชนะใคร แถมก่อนเกมมีข่าวเรื่อง ส.บอลรัสเซี่ยนค้างค่าจ้างกุนซืออิตาเลี่ยนอีกด้วย ถึงบอสหน้าหงิกยืนยันจะทำทีมต่อแต่น่าจะมีเรื่องคาใจอยู่บ้าง พิจารณาแล้วคู่นี้ในเรตไร้แต้มต่อขอเชียร์เจ้าบ้านดีกว่า

 อังกฤษ

ทีมชาติ อังกฤษ ของกุนซือ รอย ฮ็อดจ์สัน ยังนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม อี ด้วยการชนะรวดสามเกมเก็บ 9 แต้มเต็ม สำหรับความพร้อมของทีมในวันนี้

เช่นเดียวกับ อันดรอส ทาวน์เซ่นด์ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ขอถอนตัวหลังได้รับอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ในขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ จะได้ลงสนามให้กับทีมชาติครบ 100 นัดในเกมนี้


 สโลวีเนีย

ส่วนทางฝั่งคู่แข่งอย่าง สโลวีเนีย ของเทรนเนอร์ สเร็ชโก้ คาตาเน็ก กับผลงาน 3 นัดแรกไม่ธรรมดา โดยเก็บชัยได้สองเกมและแพ้หนึ่งนัด มีอยู่ 6 แต้มเท่ากับ ลิธัวเนีย

สำหรับความพร้อมของทีมล่าสุดได้รับข่าวดีเมื่อ ซานิซ่า อันเดลโควิช ปราการหลังตัวเก่งจากสโมสร ปาแลร์โม่ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในรอบปีครึ่ง ในขณะที่ มิรัล ซามาร์ดซิช กองหลังทีม ริเยก้า ก็จะได้กลับมาสู่ทีมเช่นกัน โดยในส่วนของตัวหลักรายอื่น ๆ อย่าง วัลเตอร์ เบียร์ซ่า ปีกจาก คิเอโว่, เควิน แคมเพิ่ล ตัวรุกจาก ซัลซ์บวร์ก, จัสมิน เคอร์ติช จอมทัพ “ม่วงมหากาฬ” และ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช นายทวาร อินเตอร์ มิลาน พร้อมประจำการ

การพบกันครั้งล่าสุดในบ้านของ อังกฤษ ต้องย้อนไปใกล้กว่า 6 ปี และก็เป็นทางด้าน “สิงโตคำราม” ที่เอาชนะไปได้ 2-1 อย่างไรก็ดีการโคจรมาพบกันครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นเจ้าถิ่น อังกฤษ ที่น่าจะดูดีกว่าทั้งเรื่องเกมรุกและเกมรับ

งานนี้เรทเพียงลูกควบคงไม่เป็นปัญหาแน่นอน และอีกอย่างที่ไว้ใจ้ได้ก็คือ สโลวีเนีย เป็นทีมที่ยิงประตูเฉลี่ยแค่นัดละ 1 ลูกเท่านั้นและน่าจะไม่มีสกอร์ในเกมนี้ มองแล้วน่าจะเป็นขุนพล “สิงโตคำราม” ที่ได้ยิ้มกันถ้วนหน้า ฟันธง! อยู่ อังกฤษ พิชิตชัยในบ้านเกินหนึ่งเม็ดชัวร์…!

 ลักเซมเบิร์ก

เป็นบ๊วยของกลุ่ม เพราะ ลักเซมเบิร์ก มีแค่แต้มเดียวจาก 3 นัดแรก โดยผลงานล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม โดน สเปนบุกมาถล่ม 4-0

โดยอาจปรับแดนกลางส่ง เบน ปายาล ลงเป็นกองกลางตัวจริง หลังทำผลงานได้ดีกับต้นสังกัด


 ยูเครน

อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มด้วยการมี 6 แต้มจาก 3 นัดแรก สำหรับฟอร์มการเล่นนัดล่าสุดเปิดบ้านเชือด มาซิโดเนีย 1-0 เมื่อเดือนตุลาคม

แต่ตัวหลักอย่าง เยฟเฮน โคโนเปลียนก้า ตัวรุกจากดนิโปร และ อันเดร ยาร์โมเลนโก้ ตัวรุกจาก ดินาโม เคียฟ พร้อมลงช่วยทีมซัดประตู

ยูเครนต้องการ 3 แต้มเต็มในการลุ้นตำแหน่งจ่าฝูง ดังนั้นมาเปิดเกมบุกแบบเต็มตัวแน่ แม้ ลักเซมเบิร์ก เน้นความรัดกุมเอาไว้ก่อน แต่คงยากจะต้านทานเกมบุกที่หลากหลายของทีมเยือนได้ บดกันไปเรื่อยๆ ยูเครน จะคว้า 3 แต้มเต็มออกไปไม่ยาก

 เซอร์เบีย

หล่นมาอยู่รองบ๊วย โดยมีแต้มเดียวจาก 2 นัดแรก โดยเกมล่าสุดที่พบแอลเบเนีย แม้จะได้รับผลชนะ 3-0 แต่ก็ถูกตัด 3 แต้ม เพราะไม่อาจควบคุมสถานการณ์ที่แฟรบอลลงมามีเรื่องวิวาทในสนามได้

ทว่ายังมีชื่อของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แบ็กซ้ายแมรฯ ซิตี้ เข้ามาติดทีมแม้เจ็บน่อง  ขณะที่ตัวหลักทั้ง ลาซาร์ มาร์โควิช ตัวรุกลิเวอร์พูล, ดูซาน ทาดิช กองกลางเซาธ์แฮมป์ตัน และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แนวรับเชลซี อยู่กันพร้อม


 เดนมาร์ก

เป็นจ่าฝูงของกลุ่ม โดยเดนมาร์ก มี 4 แต้มจากการเล่น 3 นัดแรก  นัดล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แพ้โปรตุเกส 0-1

แต่แกนหลักอย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น จากสเปอร์ส, ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี่ กองกลางเซลต้า และ ลาสส์ โชน ห้องเครื่องอาแจ็กซ์ อยู่กันพร้อม

เซอร์เบียเล่นในบ้านคงเน้นเป็นพิเศษหลังโดนตัด 3 แต้มไป แน่นอนเจ้าบ้านเปิดเกมบุกใส่แน่นอน ส่วนเดนมาร์กก็มาสู้แบบไม่มีกลัวเหมือนกัน รูปเกมน่าออกมาใกล้เคียงสูสี โอกาสจบด้วยการแชร์แต้มมีสูง

ตีแตกราคากับเซียนแกะ เจ้าบ้านเซอร์เบียเปิดต่อที่ 0.25  เจ้าบ้านเซอร์เบียที่ผลงานดี แต่กลับต้องมาอยู่บ๊วยเพราะด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ขาดฝันจริงๆที่โดนตัดแต้ม ด้านโคนมฟอร์มสะดุดไปในนัดล่าสุด แต่ผลงานโดยรวมก็ยังถือว่าโอเคร ด้านเจ้าบ้านน่าจะเสียกำลังใจไปพอสมควร วันนี้ทีมเยือนมาเน้นตั้งรับเพื่อแบ่งแต้มกลับออกไปแน่ วัดใจอยู่โคนมเชื่อว่าไหวแน่

 โปรตุเกส

อยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม เพราะโปรตุเกส มี 3 แต้ม จาก 2 นัดแรก  ยังดีเกมล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม บุกไปสอย เดนมาร์ก มาได้ 1-0  จากลูกโหม่งสุดสวยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วงท้ายเกม

นอกจากนั้นแล้ว โซเซ่ โบซิงวา ฟูลแบ็กตัวเก๋า กลับมาติดทีมชาติครั้งแรกในรอบ 4 ปี, โชเซ่ ฟอนเต้ ปราการหลังเซาธ์แฮมป์ตัน, ติอาโก้ โกเมส แนวรับเบนฟิก้า และ อาเดรียน ซิลวา กองกลางสปอร์ติ้ง ติดทีมเป็นครั้งแรก


 อาร์เมเนีย

เป็นทีมบ๊วยของกลุ่มเพราะอาร์เมเนีย มีแค่แต้มเดียวจาก 2 นัดแรก  ล่าสุดเป็นการอุ่นเครื่องแพ้ฝรั่งเศส 0-3 ตั้งแต่ตุลาคม

เช่นเดียวกับ ยูรา มอฟซิสยาน กองหน้า สปาร์ตัค มอสโก มีชื่อกลับมาติดทีมอีกครั้ง โดยทีมจะขาดแค่ ไม่มี อราส ออซบิลิซ กองกลางที่ไม่สมบูรณ์

โปรตุเกส เล่นในบ้านคงเดินเกมบุกตั้งแต่ต้นแน่ เพราะต้องการ 3 แต้มลุ้นตำแหน่งจ่าฝูง แม้อาร์เนีย มาเน้นรัดกุม แล้วค่อยหาจังหวะสวน  กระนั้นคงยากหยุดความฮอตของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ คงเป็นเจ้าบ้านไล่บดบี้แล้วเอาชนะไปง่ายๆ

ตีแตกราคากับเซียนแกะ ทัพฝอยทองเปิดบ้านต่อที่ 2 ลูก เต็มอิ่ม  ทัพฝอยทองหาชัยชนะนัดแรกเจอแล้วหลังจากบุกชนะทีมโคนมไปได้ ทำให้ความมั่นใจกำลังกลับมาแล้ว และที่สำคัญตัวผู้เล่นสตาร์ดังทั้งหลายกำลังอยู่ในช่วงท๊อปฟอร์มสุดๆ ผิดกับอาร์เมเนียที่ฟอร์มไม่ดีเอาเสียเลย แถมนัดนี้ก็ไม่น่าจะต้านทานทพฝอยทองไหว เพราะศักยภาพผู้เล่นนั้นต่างกันเหลือเกิน อยู่ต่อทัพฝอยทองสบายใจกว่า